fbpx

ทำไมถึงต้องสลับยาง เพื่ออะไรกันแน่?

สำหรับอายุการใช้งานของ “ยาง” หลายๆ คนยังคงเข้าใจว่า ต้องเปลี่ยนทุก 30,000 หรือ 40,000 กม. หรือไม่ก็เปลี่ยนทุก 2 ปีบ้าง ที่จริงยางรถยนต์สามารถใช้งานได้นานจนกว่าดอกยางจะหมดเลยทีเดียว ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น แรงดันลมยาง การรับน้ำหนักของยาง สภาพถนน ลักษณะการขับขี่ สภาพของตัวรถ ช่วงล่าง และอุณหภูมิของพื้นผิวถนน

การใช้งานที่บอกว่าใช้ได้จนกว่าดอกจะหมด หมายถึง กรณีที่ยางไม่มีอาการเสียหาย เช่น บิดเบี้ยวเสียรูป มีร่องรอยการปริแตกฉีกขาด ฯลฯ ก็สามารถใช้งานได้จนกว่าดอกจะหมด เพียงแต่ความกระด้างจะมีมากขึ้น เนื่องจากเนื้อยางแข็งกระด้างเสียงยางจะดังมากขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนและการเบรคลดลงด้วย แต่ยังคงสามารถใช้งานได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม (หากมีสตางค์ก็รีบเปลี่ยนเถอะ เพื่อความปลอดภัยของตนเองและเพื่อนร่วมทาง) ส่วนการแตกลายงาของเนื้อยางนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะส่วนผสมที่เกี่ยวข้องกับความเงางาม เช่น แวกซ์สลายตัวออกไป ซึ่งการแตกลายงานั้นคนละแบบกับอาการปริแตกของเนื้อยาง ยิ่งถ้ามีการสลับยางทุกๆ 10,000 กม. ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะช่วยให้ยางแต่ละเส้นมีการสึกหรอที่ใกล้เคียงกัน สามารถใช้ยางได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มอายุการใช้งาน

การสลับยาง ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงระยะที่กำหนดเสมอไป ถ้าตรวจเช็คอยู่เป็นประจำแล้วพบหน้ายางนั้นเริ่มมีการสึกหรอที่ผิดปกติเกิดขึ้น ต้องทำการตรวจเช็คและแก้ไขหาสาเหตุที่เกิดขึ้นก่อนแล้วจึงสลับยางใหม่ ไม่ควรรอให้ถึงระยะที่กำหนด จะยิ่งทำให้มีการสึกหรอมากขึ้นจนแก้ไขไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนยางใหม่โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่วิ่งทางไกลและใช้ความเร็วสูงเป็นประจำ การสึกหรอยิ่งเกิดเร็วขึ้น และอาจจะต้องเปลี่ยนยางเร็วกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ

ทำไมต้องสลับยาง?

หลายๆ คนใช้รถโดยไม่เคยรู้เลยว่ารถของตัวเองต้องสลับยาง (ยกเว้นถ้าเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คระยะ ช่างอาจมีการแนะนำให้สลับยาง) และก็มีหลายคนย้อนถามว่า ทำไมต้องสลับยาง? เพราะยางรถยนต์ถูกออกแบบมาให้ทนต่อสภาพแวดล้อม รวมถึงต้องสามารถรับน้ำหนักบรรทุกโดยไม่ทำให้การทรงตัวของรถเปลี่ยนแปลง การวิ่งไปในเส้นทางต่างๆ ย่อมส่งผลให้มีการสึกหรอของยางด้านหนึ่งด้านใดไม่เท่ากัน

ดังนั้นเมื่อใช้รถยนต์ไปได้สักระยะหนึ่ง หรือประมาณ 10,000 กม. ควรสลับยางระหว่างล้อคู่หน้ากับล้อคู่หลัง เพื่อให้ดอกยางล้อคู่หน้ากับคู่หลัง มีการสึกหรอที่เท่าเทียมกันนั่นเอง ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้ประสิทธิภาพของยางได้เต็มที่ทุกเส้น แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางอีกทางหนึ่งด้วย เพราะยางรถยนต์เป็นส่วนประกอบหนึ่งเดียวของรถที่ต้องเสียดสีกับพื้นถนนอยู่ตลอดเวลา เป็นผลให้เกิดการสึกหรอเร็วกว่า

การสลับยางทำได้โดยการเข้าใช้บริการศูนย์บริการ-จำหน่ายยาง ที่มีอยู่ทั่วไปในราคาไม่กี่บาท ที่แนะนำวิธีนี้เนื่องจากคนที่ไม่มีความรู้ ความชำนาญ หรือเครื่องมือในการทำ หรือกล่าวง่ายๆ คือ สะดวก นั่นเอง แต่เดี๋ยวนี้ศูนย์จำหน่าย-บริการ ต่างก็มีโปรโมชัน เมื่อเปลี่ยนยางกับที่ร้าน มักจะมีการแถมบริการสลับยาง+ถ่วงล้อ ฟรี ! พ่วงเข้าไปอยู่แล้ว จึงไม่น่าเป็นกังวลเท่าไหร่นัก

ถ้าไม่สลับยางจะเกิดอะไรขึ้น?

ถ้าไม่สลับยางตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ การสึกหรอของยางทั้ง 4 เส้นจะไม่เท่ากัน โดยปกติยางมักจะมีการสึกหรอบริเวณขอบนอกหรือขอบในของยาง ทำให้หน้าสัมผัสระหว่างยางกับพื้นถนนน้อยลง ประสิทธิภาพการยึดเกาะจึงน้อยลงตามไปด้วย พวงมาลัยจะเบี้ยวไม่ตรง มักจะกินซ้ายหรือขวาเล็กน้อย นอกจากนี้การสึกของยางที่ไม่เท่ากันมากๆ เวลาเบรคแรงๆ มักจะดึงซ้ายหรือดึงขวาไปด้านใดด้านหนึ่ง หากเกิดขึ้นขณะใช้ความเร็วสูงๆ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย การสึกหรอของยางคู่หน้าจะมีมากกว่ายางคู่หลังโดยเฉลี่ย 2-3 เท่า ซึ่งเป็นผลมาจากภาระต่างๆ จะตกอยู่ที่ล้อคู่หน้าเป็นส่วนใหญ่ การบังคับทิศทางการเลี้ยวก็ตกอยู่ที่ด้านหน้า รวมถึงการเบรกลดความเร็วรถ ก็ล้อคู่หน้าเช่นเดียวกัน


 

บทความที่น่าสนใจ

พฤติกรรมอันตราย! ที่ทำร้ายรถคุณโดยที่ไม่รู้ตัว

idiot

การจอดรถบนพื้นลาดเอียงเป็นเวลานาน ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง?

Peng

29 สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับรถยนต์

idiot

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy