fbpx

5 สัญญาณเตือนสีแดงแจ๊ดบนคอนโซลหน้ารถ ที่คนรักรถต้องทำความเข้าใจ

ซวยแล้วเมื่อรถสุดที่รักของเราอยู่ ๆ ก็มีสัญลักษณ์ขึ้นมาโชว์เด่นหรา พาลเอาไม่มีสมาธิขับรถเพราะไม่รู้ว่ารถของเรากำลังจะเปิดปัญหาอะไรร้ายแรงหรือเปล่า?? ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สัญลักษณ์ที่โชว์มักจะมีสีที่แตกต่างกันหลัก ๆ 3 สี ได้แก่ สีเขียว สีเหลือง สีแดง ซึ่งทั้ง 3 สีมีความหมายซ้อนอยู่

โดยสีเขียวเป็นการบ่งบอกว่าเรากำลังใช้ฟังก์ชั่นบนรถอยู่เช่น เปิดไฟหน้า ส่วนสีเหลืองนั้นเป็นการเตือนว่าสิ่งที่บกพร่อง ขาดหายไป ซึ่งเตือนเพื่อให้เราเร่งแก้ไข ส่วนสีแดง ที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้ หากใครพบเจอนั้นต้องรีบพารถคุณเข้าศูนย์ซ่อมด่วน เนื่องจากรถคุณอาจมีปัญหาร้ายแรง โดย 5 สัญลักษณ์สีแดงที่คนใช้รถต้องความเข้าใจ มีดังนี้

สัญญานรูปเทอร์โมมิตเตอร์สีแดง

รถกำลังบอกกับคุณว่า ระบบความร้อนมีปัญหา อันเนื่องมาจากหม้อน้ำ เช่น หม้อน้ำรั่ว ปั๊มไม่ทำงาน หรือพัดลมไม่หมุน ซึ่งเป็นเหตุทำให้อุณหภูมิของรถร้อนผิดปก หาพบวิธีนี้ควรจอดพักในทันที จากนั้นเปิดฝากระโปรงหน้ารถเพื่อระบายความร้อน ข้อควรระวังห้ามเปิดฝาหม้อน้ำเป็นอันขาด

สัญญานรูปแบตเตอรี่

รถกำลังบอกกับคุณว่า มีปัญหาเกี่ยวระบบจ่ายไฟเข้าแบตเตอรี่ อันเนื่องมาจากระบบไฟ ฟิวส์ หรือสายไฟอาจขาด ไดชาร์จเรกูเลเตอร์อาจพัง แปรงถ่านอาจหมด ไปจนถึงสายพานไดชาร์จเสื่อมสภาพ หากพบสัญญานเตือนดังกล่าวก็คงต้องจอดรถเพื่อเรียกช่างมาดูเรื่องระบบไฟ เช็กระบบไดชาร์จต่าง ๆ ว่ายังทำงานปกติหรือไม่

สัญญาณเตือนรูปเครื่องหมายตกใจ

รถกำลังบอกกับคุณว่า มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเบรก หลายคนอาจะคุ้นกับสัญลักษณ์เพราะมันจะขึ้นทุกครั้งเมื่อมีการดึงเบรกมือ แต่เป็นอันต้องงานเข้าแน่หากปลดเบรกมือแล้วไอ้เจ้าสัญญาณเตือนนี้ไม่หายสักที อาจจะต้องนำรถเข้าเช็คระบบระบบเบรก ว่าระดับน้ำมันเบรกคงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่

สัญญาณเตือนรูปเครื่องยนต์

รถกำลังบอกกับคุณว่า มีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ซึ่งโดยปกติแล้วสัญลักษณ์นี้จะขึ้นโชว์สักพักหลังสตาร์ทรถ และก็จะดับไป แต่งานมาแน่นอนหากไอ้เจ้าสัญลักษณ์ดังกล่าวติดค้างไม่ยอมดับ นั้นแสดงว่ารถคุณอาจมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบเครื่องยนต์ เช่น สายพานมีปัญหา ไปจนถึงระบบ ECU ซึ่งหากพบทางแก้ที่ดีที่สุดคือขับรถเข้าเช็คกับช่างที่ไว้ใจเป็นทางแก้ทางเดียวที่ปลอดภัยที่สุด

สัญญาณเตือนรูปกาน้ำ 

รถกำลังบอกกับคุณว่า ให้จอดรถในทันที และห้ามขับไปต่อโดยเด็ดขาด เนื่องจากระดับน้ำมันในเครื่องกำลังมีปัญหา ทางแก้ไขเบื้องต้นนั้นให้ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องว่าพร่องไปหรือไม่ จากนั้นให้เติมน้ำมันเครื่องเข้าไปอยู่ในระดับที่กำหนด แต่ในกรณีที่สัญญาณยังไม่ได้ดับสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากระบบปั๊มทำให้ไม่มีแรงดันน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงตามจุดต่าง ๆ  ทางที่ดีหากพบกรณีนี้ควรนำรถไปตรวจเช็คให้ละเอียดจะดีกว่า

 

Carvariety


 

บทความที่น่าสนใจ

รวมศัพท์ประเภทรถยนต์ ที่พูดกันติดปาก แต่น้อยคนที่จะทราบความหมายที่แท้จริง ตอนที่ 2

idiot

ทำไมเครื่องยนต์ดีเซล ถึงประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าเครื่องเบนซิน ?

Nopkung

Hyundai โชว์เทคโนโลยี e-Corner ซึ่งสามารถหมุนล้อทั้ง 4 ล้อได้อย่างอิสระ

Nopkung

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More

Privacy & Cookies Policy